รู้หรือไม่? พ.ร.บ. รถยนต์ กับ ประกันรถยนต์ต่างกันอย่างไร

อุบัติเหตุบนท้องถนนถือเป็น “ฝันร้าย” ที่ไม่มีผู้ขับขี่คนไหนอยากให้เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะต้องเสียค่าซ่อมบำรุงรถที่แสนแพงแล้ว ในกรณีมีผู้บาดเจ็บยังต้องการค่ารักษาพยาบาลกันอีกด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เราจำเป็นต้องซื้อประกันรถยนต์ และพรบ.รถยนต์เก็บเอาไว้ แต่เพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยว่า “ประกันภัยรถยนต์” กับ “พรบ.รถยนต์” มีความเหมือน หรือ แตกต่างกันอย่างไร? ทำไมต้องเสียเงินซ้ำซ้อน? เราสามารถเลือกทำประกันรถยนต์ หรือ พรบ. รถยนต์อย่างใดอย่างหนึ่งได้หรือไม่? วันนี้ Surekrub ขอตอบทุกข้อสงสัยให้กับทุกคนได้ทราบกัน

พรบ. รถยนต์คืออะไร?

พรบ.รถยนต์ มีชื่อเต็มๆ ว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองจะต้องมี และต้องทำการต่อพรบ.ทุกปี ถ้าไม่ทำถือว่าผิดกฎหมาย

พรบ.รถยนต์คุ้มครองอะไรบ้าง?

  • ค่าเสียหายเบื้องต้น โดยที่ไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิดทั้งเราและคู่กรณี โดยแยกย่อยเป็นประเภทได้ดังนี้
    • ค่ารักษาพยาบาลจากอาการบาดเจ็บตามจริง ไม่เกิน 30,000 บาท / คน
    • กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะแบบถาวร ไม่เกิน 35,000 บาท /คน
    • กรณีเสียชีวิตในอุบัติเหตุไม่เกิน 35,000 บาท และ ไม่เกิน 65,000 บาท ในกรณีที่ผู้บาดเจ็บเสียชีวิตหลังจากเข้ารับการรักษาตามข้อ 1 ไปแล้ว
  • ในกรณีที่มีความเสียหายเพิ่มเติมและได้ทำการพิสูจน์แล้วว่า เราเป็นฝ่ายถูก เราจะได้รับการคุ้มครองเพิ่มดังนี้
    • กรณีบาดเจ็บ ทางพรบ.จ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มให้ ไม่เกิน 80,000 บาท / คน
    • กรณีทุพพลภาพหรือสูญเสียอวัยวะแบบถาวร ทางพรบ.จ่ายเพิ่มให้ไม่เกิน 300,000 บาท /คน
    • กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพแบบสิ้นเชิง (เช่น อัมพาต) ทางพรบ.จ่ายเพิ่มให้ไม่เกิน 500,000 บาท / คน

ขั้นตอนการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นอย่างไร?

การเบิกค่าสินไหมและค่ารักษาพยาบาลนั้นจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 7 วัน โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียมคือ สำเนาบัตรประชาชนผู้ได้รับบาดเจ็บ, ใบเสร็จตัวต้นฉบับค่ารักษาพยาบาล, ใบรับรองแพทย์ (ในกรณีเป็นผู้ทุพพลภาพให้เตรียมหนังสือรับรองการเป็นผู้ป่วยในไว้ด้วย), ใบบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่สอบสวน และในกรณีที่ญาติเป็นผู้ดำเนินการแทน ต้องมีเอกสารมอบอำนาจและสำเนาบัตรประชาชนของผู้ดำเนินการ

จากข้อมูลเพื่อนๆ อาจจะมองว่า พรบ. รถยนต์ก็ดูคุ้มครองครบและครอบคลุมไม่ต่างจากประกันรถยนต์ทั่วไป แต่จริงๆ แล้ว พรบ.รถยนต์นั้น “จะคุ้มครองเฉพาะผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ครอบคลุมมาถึงทรัพย์สินที่เสียหาย หรือค่าซ่อมรถแต่อย่างใด”

ประกันภัยรถยนต์คืออะไร ?

ประกันภัยรถยนต์นั้น เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ประกันภาคสมัครใจ” คือ ประกันภัยที่เราซื้อเพิ่มเติมจากพรบ.รถยนต์ ด้วยความสมัครใจ เพื่อให้เราได้รับการคุ้มครองมากขึ้นทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยหลักๆ นั้นจะเน้นไปที่การ “คุ้มครองคู่กรณี เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่าย เช่น ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล
ประกันรถยนต์นั้นแบ่งออกเป็นหลายประเภท เช่น ประกันชั้น 1 , ประกันชั้น 2, ประกันชั้น 3 ไล่เรียงกันลงไป ตามแต่ความต้องการของเราว่าเราอยากได้รับการรักษาคุ้มครองมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง

ประกันภัยรถยนต์คุ้มครองอะไรได้บ้าง?

  • คุ้มครองความเสียหายต่อเราและคู่กรณี ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยวงเงินการคุ้มครองนี้จะขึ้นอยู่กับแพคเกจที่เราเลือก)
  • คุ้มครองค่าซ่อมแซมรถยนต์ โดยวงเงินการคุ้มครองนี้จะขึ้นอยู่กับแพคเกจที่เราเลือก
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล
  • ในกรณีที่ไม่สามารถไกล่เกลี่ยค่าความเสียหายได้ ทางประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการสู้คดีให้ด้วย

ขั้นตอนการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นอย่างไร?

โดยส่วนใหญ่ขั้นตอนการเบิกจ่ายค่าสินไหมของประกันภัยรถยนต์จะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 – 10 วัน ตามแต่แพคเกจที่เราเลือกไว้ โดยมีเอกสารที่ต้องเตรียมคือ เลขกรมธรรม์, สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถ, สำเนาใบขับขี่และสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ, ใบเคลมการซ่อมบำรุงรถที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ประกันที่เดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุ, ในกรณีที่มีผู้บาดเจ็บ ต้องมีใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลและใบรับรองแพทย์ด้วย

ถ้าเพื่อนๆ คนไหนอ่านแล้วยังรู้สึกสับสน เราได้ทำตารางการเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ.รถยนต์ กับ ประกันภัยรถยนต์เอาไว้ให้ เพื่อที่เพื่อนๆ ได้ทำความเข้าใจง่ายๆ กันเลย!

จากตารางสรุปจะเห็นได้ว่า ทั้งพรบ.รถยนต์ และประกันภัยรถยนต์ สามารถคุ้มครองผู้บาดเจ็บทั้งเราและคู่กรณีได้ทั้งหมดตามวงเงินหรือแพคเกจประกันที่เราเลือกซื้อ โดยที่มีพรบ.รถยนต์เป็นสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว และเราสามารถหาซื้อประกันภัยรถยนต์เพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการซ่อมบำรุงตัวรถของเราและคู่กรณี ให้ได้รับการคุ้มครองดูแลทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างดีที่สุดนั่นเอง ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจเรื่องการทำประกันภัยรถยนต์ หรืออยากได้ข้อมูลของแต่ละแพคเกจเพิ่ม สามารถติดต่อมาที่ Surekrub เพื่อขอคำปรึกษาฟรีได้เลย

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเป็นเรื่องอันตรายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น Surekrub ขอให้เพื่อนขับขี่รถกันด้วยความระมัดระวัง เป็นเพื่อนร่วมทางที่ดีต่อกันและกัน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของตัวเองและคนรอบข้างนั่นเองครับ

รถสีขาวรับส่วนลดประกัน 5% ได้ที่ https://www.tqm.co.th/fair_whitecar

สอบถาม