5 เทคนิคคุณแม่มือใหม่ เมื่อต้องพาลูกเล็กขึ้นเครื่องครั้งแรก

สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่อยากพาลูกขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก แต่ไม่รู้จะต้องเตรียมตัวอย่างไรดีถึงจะทำให้ลูกน้อยเงียบสงบ ไม่ร้องไห้หรือส่งเสียงดังรบกวนผู้โดยสารคนอื่นบนเครื่อง เพราะปฏิกิริยาของเด็กเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก ยิ่งต้องอยู่กับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ โดยเฉพาะบนเครื่องบินยิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้น ชัวร์ครับ เลยนำเทคนิคดี ๆ มาฝากกัน  

5 เทคนิค พาลูกเล็กขึ้นเครื่องบินครั้งแรก

1. ศึกษาข้อกำหนดและกฎของสายการบินให้แน่ชัดก่อนจองตั๋วเครื่องบิน 

ก่อนทำการจองตั๋วเครื่องบิน แนะนำให้คุณแม่ศึกษาข้อกำหนดและกฎของสายการบินในการพาเด็กขึ้นเครื่องบินก่อน เพราะแต่ละสายการบินจะมีกฎอนุญาตให้เด็กขึ้นเครื่องบินอยู่ เช่น สามารถให้พาเด็กอายุขั้นต่ำ 7 วัน หรือ 14 วัน ขึ้นเครื่องได้ แต่เด็กต้องนั่งตักพ่อหรือแม่ หรืออนุญาตให้อายุน้อยกว่านั้นได้ แต่อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เป็นต้น และต้องแจ้งสายการบินตอนเราจองตั๋วด้วยว่าเรามีเด็กเล็กขึ้นเครื่องด้วย

2. เอกสารการเดินทางต้องพร้อม

ทางสายการบินจะกำหนดให้คุณแม่ยื่นเอกสารสำคัญของลูกเพื่อเช็คอินขึ้นเครื่องบิน ได้แก่

  • ผู้โดยสารที่เป็นเด็กทารกอายุตั้งแต่ 14 วัน แต่ไม่ถึง 7 ปีบริบูรณ์ ในวันเดินทาง ให้ใช้ใบสูติบัตรฉบับจริง หรือพาสปอร์ตในการเช็คอิน 
  • ผู้โดยสารที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่ถึง 15 ปีบริบูรณ์ ในวันเดินทาง ให้ใช้ใบสูติบัตรฉบับจริง หรือบัตรประชาชนเด็ก หรือพาสปอร์ตในการเช็คอิน 

ทั้งนี้การเดินทางไปต่างประเทศแนะนำให้เตรียมทั้งสูติบัตรตัวจริงและพาสปอร์ต รวมทั้งวีซ่าของประเทศนั้น ๆ ไปด้วย

3. รถเข็นเด็กและเป้อุ้มเด็กต้องพร้อม  

รถเข็นเด็กและเป้อุ้มเด็กคืออุปกรณ์สำคัญที่ต้องเตรียมไป เพราะจะช่วยเบาภาระ ทุ่นแรงในการอุ้มลูกตลอดทั้งทริปในต่างประเทศ โดยรถเข็นเด็กสามารถเช็คอินแล้วโหลดขึ้นเครื่องพร้อมกระเป๋าเดินทางได้เลย แต่ถ้าคุณแม่คนไหนอยากจะเข็นรถไปจนถึงหน้าเกท (Gate) หรือประตูเครื่องบินก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยแจ้งเจ้าหน้านี้ไว้ แล้วเมื่อถึงเวลาขึ้นเครื่อง เจ้าหน้าที่จะเป็นคนเอารถเข็นลูกไปเก็บใต้ท้องเครื่องให้ และจะนำออกมาให้เราตอนแลนดิ้งนั่นเอง

4. เตรียมนมและของใช้จำเป็นขึ้นเครื่อง

สิ่งสำคัญมากที่ห้ามลืมเลยก็คือนมและของใช้จำเป็นสำหรับลูก แนะนำให้เตรียมของใส่ในกระเป๋าใบเล็กของลูกโดยเฉพาะ แล้วนำขึ้นเครื่องไปด้วย โดยเลือกเอาเฉพาะของใช้จำเป็นจริง ๆ ได้แก่ 

  • ผ้าคลุมให้นม กรณีที่ลูกกินนมแม่ เวลาให้นมจะได้คลุมปิดให้เรียบร้อย
  • นมผง หากต้องการชงนมให้เตรียมน้ำให้พร้อม เพราะสายการบินจะไม่มีให้บริการ โดยของเหลวที่พกพาไปขึ้นต้องไม่เกิน 100 มล. ต่อชิ้น
  • เสื้อผ้าสำรอง
  • ผ้าขนหนูผืนเล็ก
  • กางเกงผ้าอ้อมสำหรับเด็ก
  • ทิชชู่เปียก 
  • ยาประจำตัว 
  • ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่ลูกชอบ หรือหนังสือนิทาน เผื่อกรณีที่ลูกร้องไห้จะได้ใช้ปลอบให้ลูกสงบลง 

5. ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ

การซื้อประกันเดินทางต่างประเทศให้ตัวเองและลูกเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะประกันเดินทางจะช่วยคุ้มครองยามเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น 

  • ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายในกรณีเจ็บป่วย หรือต้องการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน ในระหว่างการเดินทาง  
  • ช่วยคุ้มครองกรณีเที่ยวบินถูกยกเลิก หรือเที่ยวบินล่าช้า ไม่สามารถออกได้ตามกำหนด
  • ช่วยคุ้มครองกรณีกระเป๋าเดินทางสูญหาย กระเป๋าเสียหาย อันมีสาเหตุมาจากการขนส่ง การถูกโจรกรรม หรือกระเป๋าเดินทางมาถึงล่าช้า 
  • ทรัพย์สินสูญหาย หนังสือเดินทางหาย หรือเอกสารเดินทางสูญหาย 
  • ช่วยคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือสูญเสียอวัยวะ ฯลฯ

นอกจาก 5 เทคนิคที่เราบอกไปแล้ว ตอนจองตั๋วเครื่องบินแนะนำให้เลือกช่วงเวลาเดินทางที่ตรงกับเวลานอนของลูกจะดีที่สุด เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่ลูกจะตื่นและร้องไห้ตอนอยู่บนเครื่อง ตอนขึ้นเครื่องแนะนำให้รอขึ้นเครื่องคนสุดท้าย แต่ไม่ใช่ต้องให้ทางสายการบินประกาศเรียก เพื่อที่ลูกน้อยจะได้ไม่ต้องนั่งรอบนเครื่องบินนาน และตอนขึ้นเครื่องแนะนำให้สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นให้กับลูก รวมถึงเตรียมเสื้อผ้าลูกที่เหมาะกับสภาพอากาศของจุดหมายปลายทาง หากจุดหมายปลายทางอากาศหนาวมาก ก็ให้เตรียมเสื้อกันหนาวติดไปบนเครื่องให้ลูกด้วย  

และที่สำคัญที่สุดคือ คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก เพราะจะกลายเป็นความตึงเครียดจนหมดสนุกไปเสียก่อน แนะนำให้คุณแม่วางแผนการเดินทางให้ดี เตรียมตัวให้พร้อมตามที่เราแนะนำไปข้างต้น รวมไปถึงซื้อประกันเดินทางต่างประเทศติดไว้ให้ลูกด้วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกและเพิ่มความอุ่นใจตลอดทั้งทริปการเดินทาง และถ้าหากต้องการซื้อประกันเดินทางต่างประเทศให้กับลูก แต่ไม่แน่ใจว่าจะเลือกแบบไหนดี สามารถปรึกษา ชัวร์ครับ ได้เลย

สอบถาม