5 เรื่องที่ต้องรู้ สำหรับคนทำ ใบขับขี่ รถยนต์

ก่อนจะเริ่มขับรถจริงๆ บนท้องถนน ต้องมีใบขับขี่รถบนต์เสียก่อน เพื่อยืนยันว่าเราเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการขับรถยนต์ และได้รับการอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ใบขับขี่ ยังมีความสำคัญคือยืนยันตัวตนกับบริษัทประกันภัย หากเกิดอุบัติเหตุ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจขอเรียกตรวจก็ต้องแสดงให้ดู ไม่เช่นนั้น โดนจับปรับกันเลยทีเดียว และสำหรับใบขับขี่นั้นไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ เพราะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปถึงจะทำได้ 

5 เรื่องสำคัญสำหรับคนทำใบขับขี่รถยนต์

1.ยุค  5G ว่องไว จองใบขับขี่ออนไลน์ ได้คิวแน่นอน

ไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้ามืด เพื่อไปจองคิวรับบัตรหน้างานก็ได้ เผลอๆ ไปช้าแค่นิดเดียว คิวอาจจะหมดก่อน แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้มีเปิดให้จองอบรมออนไลน์กันแล้ว ได้คิวชัวร์ ลงวันตามที่สะดวก โหลดแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue หรือเว็บไซต์ gecc.dlt.go.th หลังจากนั้นก็บันทึกไว้แสดงเป็นหลักฐานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งว่าเราลงทะเบียนเรียบร้อย

2.ทำใบขับขี่ เตรียมเอกสารให้พร้อม  

สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ บัตรประชาชนตัวจริง มายืนยันตัวตน พร้อมสำเนาหนึ่งชุดสำรองเอาไว้ และเอกสารอีกอย่างที่หลาย ๆ คนมักจะลืม คือใบรับรองแพทย์ อาจจะต้องเสียเวลากลับไปหาคุณหมออีกครั้ง เพราะฉะนั้นก่อนออกจากบ้านเช็คให้เรียบร้อยนะ…อย่าลืม! เอกสารใบรับรองแพทย์เด็ดขาดเลย

หลังจากที่เราเตรียมเอกสารต่างๆ เพื่อทำใบขับขี่ รถบนต์ ผ่านเรียบร้อยแล้ว คราวนี้มาเริ่มของจริงกันแล้วล่ะ ซึ่งต้องผ่านด่านต่างๆ 

3. ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย 

มีอีกมากมายให้เราต้องฝ่าฟัน เพื่อได้ใบขับขี่มาครอบครอง ลุยเลย

  • ทดสอบการมองเห็นสี (เขียว เหลือง แดง) 

เมื่อเวลาขับรถยนต์บนท้องถนนจริง จะได้แยกสีออก เวลามองไฟจราจร จะได้ไม่มีปัญหา และไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

  • ทดสอบสายตาทางลึก ทดสอบว่าสายตาสามารถแยกแยะวัตถุที่อยู่ในระดับเดียวกันได้หรือไม่ เช่น หากต้องการแซง สวนทาง หรือการจอดรถ จะได้กะระยะได้ถูกต้อง 
  • ทดสอบสายตาทางกว้าง แต่ความยากอาจจะอยู่ตรงที่ต้องมองตรงเท่านั้น ห้ามเหลือบมองข้าง ๆ นะ ไม่ง้นจะมีความงง และการทดทอบอาจคาดเคลื่อนได้ 
  • ทดสอบปฏิกิริยาของเท้า โดยการเหยียบเบรกหลังเห็นไฟสัญญาณ สีแดง

4. อบรม 5 ชั่วโมง และสอบข้อเขียน 

การอบรมทำใบขับขี่จะแบ่งเป็น 2 ช่วง  ภาคเช้า เริ่ม 9.30 – 12.00 น. และภาคบ่ายเริ่ม 13.00 – 15.30 น.  โดยเจ้าหน้าที่จะให้ความรู้เรื่องจราจร สัญญาณจราจร และเปิดวิดีโอต่าง ๆ ที่ควรรู้ หลายคนอาจจะมองว่า น่าเบื่อ ไม่สำคัญ แต่จริง ๆ แล้วเป็นข้อควรปฏิบัติที่ต้องใช้ถนนร่วมกับผู้คน เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเราและส่วนรวม ที่สำคัญ จะโดดเรียนไม่ได้นะ 

หลังจากอบรมกันเต็มอิ่มไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องทำข้อสอบกัน  ถ้าตั้งใจฟังการอบรมก็ผ่านสบาย ๆ แต่สามารถฝึกทำแบบทดสอบเองก่อนก็ได้นะ เพราะจะมีข้อสอบจำลองให้เหล่าผู้ทำใบขับขี่ได้ลองทำกันก่อน ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จะมีคำถาม 50 ข้อ โดยข้อสอบส่วนใหญ่ จะเกี่ยวกับเครื่องหมาย และสัญญาณจราจรต่าง ๆ ต้องตอบให้ถูกอย่างน้อย 45 ข้อ หรือ 90% ของข้อสอบ 

5. ข้อสอบปฏิบัติจริง ทดสอบขับรถ 

ขั้นตอนการสอบสุดท้าย ที่ลุ้นระทึกว่าจะตกหรือผ่านก็คราวนี้ ในการสอบมีทั้งหมด 3 ด่านหลัก ๆ คือ การขับรถท่าตรง มีระยะ 12 เมตร สอบโดยการขับรถเดินหน้า และถอยหลัง ด่านที่ 2 คือการขับรถไปจอดเทียบไหล่ทาง ระยะห่างของรถยนต์จากไหล่ทางต้องไม่เกิน 25 ซม. และไม่ชนขอบทาง หรือเกยขอบทาง ด่านที่ 3 การถอยจอดเข้าซอง อาจจะยากสำหรับหลาย ๆ คน แต่ถ้าเรียนมาแล้วไม่ต้องกลัว ห้ามชน กรวยบอกระยะ และเปลี่ยนเกียร์ได้ไม่เกิน 7 ครั้ง

เอาล่ะ มาถึงตรงนี้แล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่เราจะได้ใบขับขี่รถยนต์ มาครอบครอง ถ้าหากคุณผ่านหมดแล้ว จะต้องชำระค่าธรรมเนียมการทำบัตร คือการถ่ายรูป และชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดอยู่ประมาณ 200 บาท (การเปลี่ยนชนิดจากส่วนบุคคลชั่วคราวเป็น 5 ปี ค่าธรรมเนียม รถยนต์อยู่ที่ 605 บาท) หลังจากชำระเงินเรียบร้อย ก็รอไม่นานได้ใบขับขี่มาชื่นชมแล้ว 

เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อได้ใบขับขี่รถยนต์แล้ว ต้องรักษากฎจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่เสี่ยงกับอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็อย่าลืมทำประกันรถยนต์ไว้ด้วยนะ โดยเฉพาะมือใหม่หัดขับ เพิ่งได้ใบขับขี่แบบนี้ ชัวร์ครับ ขอแนะนำ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุม คุ้มค่ามากที่สุด

ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ ชัวร์ครับ

https://surekrub.com/motor-insurance/type-1

สอบถาม